นอกจากของตกแต่งห้องจะบอกถึงบุคลิกของผู้เป็นเจ้าของแล้ว น่าจะดีกว่าหากได้เลือกสิ่งที่ชอบ แถมยังเป็นมงคลต่อชีวิตและที่พักอาศัยด้วย โดยเฉพาะคนขี้เหงาในเมือง ที่มักจะเลือกพักที่คอนโดฯ เสียส่วนใหญ่ หนึ่งในวิธีคลายเหงาของพวกเขาคือการหมดเวลาไปกับการเลือกของมาตกแต่งห้อง ซึ่งนับเป็นอีกวิธีที่สร้างความสุขได้ไม่น้อย
แต่ก่อนที่จะเลือกของตกแต่งเพื่อเสริมมงคลให้ห้องนั้น มีคนสงสัยกันมากว่าฮวงจุ้ยระหว่างคอนโดฯ กับบ้านต่างกันหรือไม่ ขอบอกตรงนี้เลยว่าต่างกัน โดยจุดแตกต่างจะมีอยู่ 2 ส่วนหลัก คือ ชัยภูมิที่ตั้งคอนโดฯ จะมีการแยกระดับชั้นอย่างเด่นชัด และมีการแบ่งแยกห้องเป็นส่วนตัวค่อนข้างเด็ดขาด ซึ่งคำถามที่ฮอตฮิตที่สุดก่อนซื้อคอนโดฯ ก็คือ อยู่ชั้นไหนจึงจะถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย และเป็นมงคลต่อชีวิตมาก
ในการเลือกชั้นคอนโดฯ นั้น มีอยู่หลายแบบ ขึ้นกับการเลือกใช้ “ระบบฮวงจุ้ย” ว่าจะเลือกระบบใด ซึ่งสามารถมองในภาพรวมได้ 2 แบบ ใหญ่ๆ คือเลือกโดยการดูพลังของธรรมชาติภายนอกแบบโดยรวม หรือที่เรียกว่า ยุค เป็นหลัก และการเลือกโดยดูจากตัวบุคคล เช่นการใช้ ปีเกิด เป็นหลัก
สำหรับหลักการเลือกชั้นคอนโดฯ ตามยุค ในหลักการของยุค ทั้ง 5 จะมีการแบ่งรอบปี 60 ปี หรือ 60 กะจื้อ ออกเป็น 5 กลุ่มธาตุ คือ ธาตุดิน ธาตุทอง ธาตุน้ำ ธาตุไม้ ธาตุไฟ โดยช่วงปี พ.ศ. 2539-2550 จะจัดอยู่ในยุคธาตุไฟ ส่วนช่วงปี พ.ศ. 2551-2562 จะจัดอยู่ในยุคธาตุไม้ ซึ่งชั้นของอาคารที่รุ่งเรืองในช่วง พ.ศ. 2539-2550 ได้แก่ ชั้นที่ลงท้ายด้วยเลข 0, 2, 5, 7 เช่น ชั้นที่ 2, 5, 7, 10, 12, 15, 17 เป็นต้น ส่วนชั้นของอาคารที่รุ่งเรืองในช่วง พ.ศ. 2551-2562 ได้แก่ ชั้นที่ลงท้ายด้วยเลข 2, 3, 7, 8 เช่น ชั้นที่ 2, 3, 7, 8, 12, 13, 17, 18 เป็นต้น
ส่วนหลักการเลือกชั้นคอนโดฯ ตามปีเกิดนั้น สามารถสังเกตได้ ดังนี้ ปีชวดคือธาตุน้ำ ปีฉลูคือธาตุดิน ปีขาลคือธาตุไม้ ปีเถาะคือธาตุไม้ ปีมะโรงคือธาตุดิน ปีมะเส็งคือธาตุไฟ ปีมะเมียคือธาตุไฟ ปีมะแมคือธาตุดิน ปีวอกคือธาตุทอง ปีระกาคือธาตุทอง ปีจอคือธาตุดิน ปีกุนคือธาตุน้ำ โดยเลือกชั้นที่พลังธาตุเป็นธาตุเดียวกัน หรือมาช่วยส่งเสริมกัน โดยใช้หลักแห่งธาตุทั้งห้า หรือเบญจธาตุ
โดยสามารถแบ่งได้เป็น ปีชวด ควรอยู่ชั้นที่ 1,6,4,9 ปีฉลู ควรอยู่ชั้นที่ 2,7,5,10 ปีขาล ควรอยู่ชั้นที่ 3,8,1,6 ปีเถาะ ควรอยู่ชั้นที่ 3,8 1,6 ปีมะโรงควรอยู่ชั้นที่ 2,7,5,10 ปีมะเส็ง ควรอยู่ชั้นที่ 2, 7, 3, 8 ปีมะเมีย ควรอยู่ชั้นที่ 2, 7, 3, 8 ปีมะแม ควรอยู่ชั้นที่ 2, 7, 5, 10 ปีวอก ควรอยู่ชั้นที่ 5, 10, 4, 9 ปีระกา ควรอยู่ชั้นที่ 5, 10, 4, 9 ปีจอ ควรอยู่ชั้นที่ 2, 7, 5, 10 ปีกุน ควรอยู่ชั้นที่ 4, 9, 1, 6 ทั้งนี้ เลขชั้นดังกล่าว หมายถึงเลขลงท้ายของแต่ละชั้น อาทิ เลข 1 หมายถึง ชั้นที่ 1, 21, 31, 41
ทีนี้ก็มาถึงเรื่องของการเลือกของมาตกแต่งห้องให้ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยกันบ้าง โดยลองหาภาพวาด หรือลวดลายพื้นกระเบื้อง หรือผ้าม่านที่เป็นรูป “ดอกไม้” เพื่อความร่มเย็นเป็นสุข ทั้งจะส่งผลให้ชีวิตเบ่งบาน สำราญใจ ด้วยมีสีสันเข้ามาประดับเส้นทางชีวิตให้สดใสนั่นเอง
รูป “ระลอกน้ำ” จะนำพามาซึ่งความสบายใจ ส่งผลให้ไม่ว่าเจ้าของห้องจะเจอะเจอเรื่องใดมาก็ตาม หากได้เห็น ภาพนี้แล้วจะรู้สึกใจเย็นขึ้น มีสติ คิดรอบคอบ ซึ่งจะส่งผลดีต่อชีวิตในระยะยาว
ส่วนรูป “เหรียญทอง” จะนำพามาซึ่งชัยชนะ การไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆ หรืออาจหา “ปลาทอง” มาเลี้ยงในตู้กระจก หรือโถแก้ว เพื่อเรียกโชคลาภ เงินทอง เพื่อความร่ำรวย มีกินมีใช้ตลอดไป ไม่ตกอับยากจน รวมทั้ง “ฮก ลก ซิ่ว” อันเป็นมงคลยิ่ง ควรตั้งไว้บนชั้นในห้องรับแขก หรือห้องนั่งเล่น เพื่อเสริมบารมีชีวิต
พูดถึงห้องนั่งเล่นก็อดจะกล่าวถึงลักษณะทางฮวงจุ้ยที่ดีของการตกแต่งห้องนั่งเล่นไม่ได้ โดยหลักคร่าวๆ ก็คือ ควรเลือกโทนสีการตกแต่งให้เป็นโทนสีที่สมาชิกภายในครอบครัวชอบ เพราะสีสันถือเป็นพลังงานที่มีผลกระทบกับผู้อยู่อาศัยน้อยกว่ากระแสอากาศมาก หากเลือกสีสันที่ชอบจะเป็นผลดีในเชิงจิตใจมากกว่า ทั้งนี้ ยังสามารถตกแต่งห้องนั่งเล่นให้เน้นความสัมพันธ์ประจำปีได้ โดยในปี พ.ศ. 2551 นี้ อยู่ที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ควรนำต้นไม้ที่มีใบชนิดแช่น้ำไปตั้งอยู่ในพื้นที่นั้น ซึ่งจะช่วยให้สมาชิกในครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
เมื่อทราบถึงของแต่งห้องอันเป็นมงคลต่อชีวิตแล้ว ก็อยากให้ทราบถึงของที่ไม่ควรนำมาแต่งห้อง ได้แก่ ภาพวาด หรือลวดลายพื้นกระเบื้อง ผ้าม่านหรือพรมที่เป็นรูป “งู” เพราะงูเป็นสัญลักษณ์ของความอาฆาต ซึ่งส่งผลให้หมกมุ่นอยู่กับอารมณ์โกรธ และยังเป็นเครื่องหมายของตัณหาราคะ ส่งผลให้ผู้ที่อยู่ในห้องนั้นฝักใฝ่แต่เรื่องโลกีย์
ส่วนคนที่ชื่นชอบ “นาฬิกาทราย” ชอบได้ แต่อย่านำมาไว้ที่ห้องจะดีกว่า เพราะนาฬิกาทรายจะมีลักษณะของการไหลเวียนอยู่เรื่อยๆ ส่งผลให้ผู้ที่อยู่ในห้องนั้นต้องเผชิญกับการงาน หน้าที่ต่างๆ รวมทั้งภารกิจอันหนักอึ้ง ทำให้เหนื่อยและต้องทำอย่างรีบเร่งจนไม่มีเวลาพักผ่อนอย่างสุขสบายเลย
หากใครชอบแก้บนด้วย “ม้าลาย” ก็ให้ใช้เฉพาะกับการแก้บน หรือทำอย่างอื่น แต่ไม่ควรนำมาแต่งห้อง เพราะจะส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยและคนร่วมห้องมีแต่เรื่องแตกแยกกัน และจะไม่มีโชคลาภเข้ามาหาเลย
ของตกแต่งห้องที่เป็นรูป “จระเข้” ก็เช่นกัน เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของความเจ้าเล่ห์เพทุบาย ซึ่งจะทำให้อับโชค และมีคนคอยคิดมุ่งร้ายต่อคุณและคนในครอบครัว
สุดท้ายคือของแต่งห้องรูป “หนู” ไม่ควรนำมาแต่งห้อง เพราะมีความหมายไม่เป็นมงคลเช่นกัน เนื่องจากจะทำให้ถูกหักหลัง หรือถูกหลอกลวงจากคนนอกที่อาจมาฉกฉวยโอกาสหาผลประโยชน์เอาเปรียบได้ง่าย
แนะนำกันพอสังเขป สำหรับในชีวิตจริงไม่ว่าจะอาศัยอยู่ชั้นใดของคอนโดฯ ก็ตาม หากปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบแล้ว สิ่งไม่ดีทั้งหลายจะแพ้ไปเอง พึงระวังการนำของตกแต่งที่ไม่ดีออกไป เพื่อมงคลแก่ชีวิต ทั้งนี้ทั้งนั้นการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและการทำความดีคือสิ่งสำคัญที่สุด เพราะต่อให้ปฏิบัติถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยแค่ไหน แต่ถ้าในแต่ละวันปล่อยจิต ละเลยใจ ชีวิตก็จะพบแต่ความยุ่งเหยิง
ขอบคุณข้อมูลจาก nanapaint.com
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com