เป็นเวลากว่า 30 ปีที่ “วรธนัท อัศกุลโกวิท” ได้รับเชิญให้เป็นที่ปรึกษาและทำฮวงจุ้ยให้แก่บริษัท ห้าง ร้าน ธนาคาร และสถานที่ราชการในต่างประเทศ ตั้งแต่ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย กระทั่งอังกฤษ และ แคนาดา ในวงการฮวงจุ้ยไม่มีใครไม่รู้จักอาจารย์วรธนัท ในชื่อของ “มิสเตอร์หม่า”กระทั่งได้รับการยกย่องเป็น *ปรมาจารย์แห่งวิชาฮวงจุ้ย* สำหรับในประเทศไทย “วิชาฮวงจุ้ย” ของอาจารย์ผู้นี้เพิ่งนำมาเผยแพร่ได้ 9 ปีเท่านั้น โดยการเปิดสอนฟรี! ให้กับคนสนใจทั่วไป เป็นชมรมอยู่ย่านเมืองนนทบุรี การสอนแบบนี้อาจารย์บอกว่าเป็นการทำบุญ ซึ่งเป็นหลักสำคัญของวิชาฮวงจุ้ย ชื่อ “วรธนัท” เป็นชื่อใหม่ที่เปลี่ยนมาจากชื่อเดิม “ณรงค์” สาเหตุที่เปลี่ยนเพราะอาจารย์ที่พม่าให้เปลี่ยนเพราะชีวิตจะดีกว่าเดิม “วรธนัท” แปลว่า ผู้ร่ำรวยมหาศาล เปลี่ยนใช้ชื่อนี้มาได้ 4 ปีแล้ว
“เอ็นเนอยี่ คอมเพล็กซ์” เป็นอาคารแห่งแรกที่อาจารย์วรธนัทใช้วิชาฮวงจุ้ยช่วยในการก่อสร้างและตกแต่งภายในทุกขั้นตอน ซึ่งผลที่ออกมาสร้างความเชื่อถือให้แก่อาจารย์อย่างมาก จากนั้นทั้งสนามม้านางเลิ้ง ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม ตึกใหม่ของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) แล้วยังสนามบินสุวรรณภูมิ ล้วนเป็นฝีมือการทำฮวงจุ้ยของอาจารย์ทั้งนั้น อาจารย์วรธนัท เกิดวันที่ 15 พฤษภาคม 2484 ปัจจุบันอายุ 68 ปี แต่ยังดูเหมือนคนอายุ 40 กว่า รวมทั้งแต่งงานมีครอบครัว ลูกๆ โตหมดแล้ว การศึกษา นอกจากวิชาฮวงจุ้ย อาจารย์จบวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทุกวันนี้ทำหน้าที่พิเศษเป็นที่ปรึกษาและไขฮวงจุ้ยให้กับบริษัทการบินไทย บริษัทซีพี และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของกรมพลังงานแห่งชาติเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์นี้อยู่ที่ความเชื่อและวิจารณญาณของแต่ละคน อาจารย์วรธนัทเองก็บอกว่า “มันเป็นเรื่องบุญกรรมและวาสนาของแต่ละคน”
– พื้นเพครอบครัวเป็นคนที่ไหน? เป็นคนจังหวัดเพชรบุรี บ้านอยู่ในตัวเมือง ถ้าจะพูดเรื่องนี้คงต้องใช้เวลา 60 ปีถึงจะเล่าจบ (หัวเราะ) เอาเป็นว่า..ที่บ้านพ่อเป็นลูกเจ้าของบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งที่จีน มาเปิดสาขาที่เมืองไทยแล้วไปตั้งสาขาที่เพชรบุรีด้วย พ่อไปเจอแม่ที่นั่น แม่เองก็เป็นลูกคนจีน พ่อและแม่เลยแต่งงานกัน อยู่กินที่เพชรบุรี มีลูกทั้งหมด 11 คน แต่ตายหมด เหลือผมซึ่งเป็นลูกชายคนเดียว
– แล้วไปศึกษาวิชาฮวงจุ้ยมาจากไหน? ตระกูลผมเป็นคนเซี่ยงไฮ้ ศึกษาวิชาฮวงจุ้ยแบบถ่ายทอดกันมา ..คือ ตอนสมัยสงครามที่จีนแดงบุก คุณปู่เป็นทหารในระดับจอมพลคนหนึ่งของเจียง ไค เช็ค คุณปู่เขาเป็นทหารเลยรู้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไร ก็บอกให้ลูกหลานอพยพไปยังที่ต่างๆ บางคนไปอยู่อเมริกา บางคนไปอยู่อังกฤษ บางคนไปอยู่มาเลเซีย ส่วนสายของผมมาอยู่ที่เมืองไทย ผมจึงเกิดและเติบโตในประเทศไทย คุณปู่เป็นผู้ที่มีความรู้ในศาสตร์วิชาฮวงจุ้ยที่เรียกว่า “เต๋าหมวกดำ” เป็นอย่างดี ซึ่งศาสตร์ฮวงจุ้ยเต๋าหมวกดำนี้ถือเป็นศาสตร์ชั้นสูง และจะถ่ายทอดเฉพาะจักรพรรดิและขุนนางจีนชั้นสูงเท่านั้นคุณปู่ถ่ายทอดวิชาให้คุณพ่อผมได้รับการถ่ายทอดจากคุณพ่ออีกที และตัวผมเองเดินทางไปศึกษาเพิ่มเติมที่ประเทศจีนบ้าง ทิเบตบ้าง อินเดียบ้าง เป็นเวลานานกว่า 30 ปี และยังได้เดินทางไปศึกษาเพิ่มเติมทั้งในพม่า มอญ เขมร รวมถึงศึกษาเรื่องราวของพุทธประวัติและพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ
– เคยเรียนหนังสือไทยไหม? เรียนครับ แต่เรียนช้า เป็นโรงเรียนชั้นประถมที่เพชรบุรี จำชื่อโรงเรียนไม่ได้แล้ว ผมเรียนไปเรื่อยๆ จนอายุ 13 จึงมาเรียนเรื่อง “พลัง” ทีนี้ไปเรียนต่างประเทศเลย ไปตั้งหลักที่ฮ่องกงกับจีน แม่ไปด้วยแต่ไม่ได้ทิ้งการเรียนที่เมืองไทยนะ คือจะใช้ช่วงเวลาปิดเทอมไปเรียน คือ..ผมเป็นคนที่ความจำดี เรียนที่เมืองไทยไม่ต้องท่องหนังสือเยอะ (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นทุกปิดเทอมจะไปเรียนเรื่องพวกนี้ที่ต่างประเทศ แต่หลังจากจบมหาวิทยาลัยก็ยาวเลย ไปอยู่ฮ่องกงไปเรียนวิชาฮวงจุ้ย เพราะมีญาติอยู่ที่นั่น จากนั้นไปต่อที่กวางตุ้ง แล้วไปปักกิ่ง เรียนวิชาต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องของพลังทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกำลังภายใน รำมวย ฝังเข็ม อะไรที่เป็นศาสตร์เกี่ยวกับพลัง เรียนหมด
– ชอบเรื่องพวกนี้? ชอบ และไม่เคยสงสัยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย เรื่องสมาธิก็เรียนมาตั้งแต่เด็กเพราะลุงชอบพาไปวัด มีอยู่วันไปเห็นหลวงปู่ทวด (วัดช้างให้) ถ้าพูดไปจะหาว่าเว่อร์ ผมศรัทธาหลวงปู่ทวดมาก ก็ทุบกระปุกเอาสตังค์ไปเช่ามา ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด 25 บาท ก็บูชามาแล้วเลียนท่านั่งสมาธิของท่านเวลาทำสมาธิ สักวันสองวันก็เกิดนิมิตว่าท่านมาสอนเรื่องสมาธิ
– มีเหตุอะไรทำให้เชื่อเรื่องพวกนี้ เยอะแยะ เช่นทุกครั้งที่นึกถึงจะมีกลิ่นหอมลอยมา กลิ่นหอมที่บอกไม่ถูก ไม่ใช่กลิ่นดอกไม้ธูปเทียนแน่นอน
– ที่ว่าไปตั้งหลักที่ฮ่องกง-ยังไง? ก็ไปเรียนวิชาฮวงจุ้ย เริ่มจากเรียนกับญาติก่อน แล้วเขาก็พาไปตระเวนเรียนกับอาจารย์ที่ความรู้สูงขึ้นเรื่อยๆ ตามหาอาจารย์ไปเรื่อยๆ พออายุสัก 18-19 ค่อยเริ่มเดินทางไปทิเบต ในแวดวงเขาจะรู้กันว่าถ้าเรื่องจิตเรื่องพลัง เรื่องเวทมนตร์ ต้องไปทิเบต เพราะสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่โน่นทำให้คนจิตเข้มแข็ง
– ตอนนั้น (ไปทิเบต) เริ่มมีชื่อเสียงหรือยัง? ยังครับ ตอนนั้นอายุ 18-19 เอง มาเริ่มมีชื่อเสียงประมาณ 25 แต่ความจริงตอนสิบแปดสิบเก้าก็ทำได้หมดแล้ว แต่คิดว่าเราต้องหาประสบการณ์ต่อ เรื่องพวกนี้มันไม่ตายตัว ไม่ได้เป็นสถาบัน เราต้องสืบเองว่าที่ไหนมีคนเก่งก็ตามไปเรียน วิชาพวกนี้บางทีมันแปลกกว่าอย่างอื่น บางทีมันอยู่ในชาวบ้านธรรมดา บางทีอยู่กับพระ เราก็ไปสมัครไปขอเรียน ถ้าถูกอัธยาศัย เขาก็ให้
– ใช้เวลาเรียนทั้งหมดกี่ปีถึงบรรลุ ไม่มี เรียนตลอด ปัจจุบันก็ยังเดินทางไปตามหาวิชา ตามหาที่เรียนอยู่ ถ้ามีที่ไหนก็ไปทดสอบดูว่าน่าสนใจไหม
– มีชื่อเสียงครั้งแรกเลยเป็นเรื่องอะไร–พลังจิตรักษาคนหรือทำฮวงจุ้ย? โห…จำไม่ได้แล้ว วันๆ หนึ่งคนมาหา 300 คน จะให้จำได้ยังไง มีมาทุกเรื่องเลย..ตั้งแต่เรื่องฮวงจุ้ย เรื่องปราบผี เรื่องเจ็บป่วย คนหาย ฯลฯ
– แล้วเป็นที่รู้จักหรือมีชื่อเสียงได้ยังไง? แบบปากต่อปาก คนเดือดร้อนมาหาเราช่วยเขาได้ ก็บอกต่อๆ กันไป คนก็มากันเรื่อยๆ
– แล้วที่ว่ามีชื่อเสียงระดับอินเตอร์ทำฮวงจุ้ยให้ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา มันเริ่มจากญาติที่ฮ่องกงและที่จีนก่อน บรรดาญาติของผมเขาเป็นหมอฮวงจุ้ยที่อยู่ในวงการของดารา นักการเมือง ตั้งแต่สมัย ชอว์ บราเดอร์ โน่น เวลาเราไปเขาจะแนะนำให้เรารู้จัก ให้เราทำ พอทำสำเร็จก็บอกต่อๆ กัน แพร่ขยายมาถึงเมืองไทย มีดาราคนไทย นักการเมืองคนไทย มาขอความช่วยเหลือ แล้วพอทำสำเร็จได้ผลดี เขาก็เอาไปพูดต่อกันไป
– ค่าใช้จ่ายแพงไหม? ไม่มี ฟรีหมด คือถ้าคุณสำเร็จวิชาทำฮวงจุ้ย เวลาคุณทำฮวงจุ้ย
– ฮวงจุ้ยสามารถทำให้คนมีกินมีใช้ ฉะนั้นฐานะครอบครัวก็ดีขึ้นตามลำดับ การทำให้คนอื่นถือว่าทำบุญ คนมาขอความช่วยเหลือก็ช่วยไป ถือว่าทำบุญกับคนไทยด้วยกันแต่ถ้าไปทำให้ต่างประเทศ..ขอโทษค่าตัวผมวันละล้าน คนไทยสู้ไหวไหม? คือ..มันเป็นค่าตัวมาตรฐานเมืองนอก อย่างฮ่องกงนี่มาตรฐานเขา 3 ชั่วโมง 80,000 เหรียญ ถ้าผมอยู่ต่างประเทศก็ถือว่าทำเป็นอาชีพนะ แต่ถ้ามาทำในประเทศไทย เช่น ทำเนียบรัฐบาล สภา สนามม้า สนามบินสุวรรณภูมิ อันนี้ฟรี! ไม่ได้สักแดง เพราะถือว่าทำบุญ แต่ถ้าเป็นเอกชนไม่ฟรีนะครับ เพราะเราเอาเงินไปช่วยคนต่อ เอาเงินใส่ซองไปสร้างสะพาน สร้างวัดเวลานี้ผมทำฮวงจุ้ยให้ที่ฮ่องกง มาเลเซีย และสิงคโปร์ เป็นหลัก เพราะที่นั่นมีกฎว่า 3 ชั่วโมง 80,000 เหรียญ หรือราว 400,000 บาท นอกนั้นมีไปทำที่ลาสเวกัส ไปทำให้กาสิโน
– ทำไมได้ยินมาว่าใครทำฮวงจุ้ยกับอาจารย์แพงมาก? ฮวงจุ้ยประเทศไทย กับฮวงจุ้ยของผมไม่เหมือนกัน ฮวงจุ้ยของผมจะเป็นฮวงจุ้ยของพระมหากษัตริย์ แต่ฮวงจุ้ยของประเทศไทยจะเป็นฮวงจุ้ยชาวบ้าน ฉะนั้นเทคนิคและรายละเอียดในการทำไม่เหมือนกัน ที่เราทำส่วนใหญ่เราทำฮวงจุ้ยให้กับบุคคลระดับที่จะต้องปกครองคน อีกอย่าง–เราพูดไปว่าถ้าคุณจะทำฮวงจุ้ยเพื่ออยากมีเงินสิบล้านยี่สิบล้าน คุณต้องทำเคล็ดแก้หลายแสน สำหรับคนไทยพอบอกว่าต้องเสียเงินหลายแสนเขาก็ไม่เอาแล้ว คืออยากจะได้เยอะๆ แต่ไม่ยอมเสีย แค่ไปซื้อหัวเสือมาแปะก็พอแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่ เพราะฮวงจุ้ยจริงๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเราเห็นกันอยู่ เช่น แขวนหัวเสือ แขวนกระดิ่งลม ไม่ใช่
– ฮวงจุ้ยของประเทศไทยไม่ดีตรงไหน? โห.. อยากรู้ไปอ่านหนังสือที่ผมเขียนไว้ คือผมเป็นคนทำฮวงจุ้ยให้รัฐบาลตอนมีปัญหา ช่วงนั้นถ้าจำได้นักข่าวถามทุกวันเลยว่า พล.อ.สนธิ ประธาน คมช.จะลาออกหรือไม่ลาออก แล้วเป็นช่วงที่ นปก. พีทีวี ออกมาเคลื่อนไหว เป็นปัญหามาก ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่ต้องทำงานกัน ผมเลยขอเข้าไปทำฮวงจุ้ยให้ส่วนมากผมจะทำให้หน่วยราชการเป็นหลัก นอกจากทำเนียบ ก็มีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สนามม้านางเลิ้ง กระทรวงการคลัง ที่ผ่านมาการเงินของประเทศแย่เพราะตึกเป็นรูปเอ็กซ์ครอส (กากบาท) ทำให้การเงินไทยขึ้นๆ ลงๆ ผมยังทำให้กรมพลังงานแห่งชาติ ที่กำลังสร้างอยู่ตรงสวนรถไฟ ส่วนที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตอนนั้นนายกฯ ทักษิณเขาจะทำสนามบินให้เสร็จเพื่อประกาศความสำเร็จ แต่จะทำยังไงงานก็ไม่เดิน มีปัญหาในนั้นทุกหน่วยงาน แก้ไม่ตก ผมก็ไปแก้ให้ คือไซต์งานที่นั่นใช้ตู้คอนเทนเนอร์เป็นศูนย์สั่งงานทั้งหมด เขาเอาตู้คอนเทนเนอร์ไปตั้งรวมกลุ่มกัน หันไปทางทิศที่ทำงานไม่ได้ มันจึงติดขัดไปหมด เราเพียงแค่ไปยกตู้ขยับเท่านั้น 3 วันงานทุกอย่างเป็นไปตามเป้า หรือเรื่องปืนใหญ่หน้ากระทรวงกลาโหม จำได้ไหม? ผมก็ไปทำพิธีสลายให้ เราต้องหลบซ่อนทำพิธีเลยนะนั่น ยังมีอีก กองบัญชาการทหารสูงสุด สยามพารากอน โรงแรมทวินโลตัส จ.นครศรีธรรมราช กาสิโนที่มาเก๊า ปอยเปต แม้แต่ที่มาเลเซีย ผมไปแก้ให้หมด ส่วนมากแล้วพวกนี้ผิดที่โครงสร้าง ซึ่งแต่ละที่ไม่เหมือนกันหรือศาลหลักเมือง ที่สนามหลวง ในทางฮวงจุ้ยถือว่าสกปรก เพราะมีแต่คนไปกราบไหว้ ไปบนบาน ไม่มีใครไปทำความสะอาด ทั้งบ้านทั้งเมืองจึงเดือดร้อน เพราะศาลพระภูมิบ้านสกปรก เราก็ไปทำพิธีให้ เรื่องแบบนี้พูดไปคนไม่เข้าใจหรอก..
– การเมืองไทยปี 2551 เป็นอย่างไร? ชาตินี้ทั้งชาติประเทศไทยไม่มีวันพ้นทุกข์ คนไทยรู้จักฮวงจุ้ยรึเปล่า ฮวงจุ้ยทำแล้วต้องดูแล อย่างที่ทำเนียบที่ทำไว้อยู่ถึงแค่ 4 กุมภาพันธ์ 2551 ก็หมดฤทธิ์แล้วเพราะอะไร? คือฮวงจุ้ย ทุกปีมีการเคลื่อนย้าย ถ้าเราไม่ไปทำต่อมันก็หมด ที่บอกว่าปีนี้ทิศที่ไม่ดีคือทิศเหนือกับใต้ เพราะฉะนั้นฮวงจุ้ยก็ต้องเปลี่ยน
– ขั้นสูงสุดของศาสตร์แห่งพลังคืออะไร? ไร้รูป ไร้นาม หมายถึงว่าทำเหมือนไม่ทำ คือทำได้ทุกอย่างแหละ แต่ทำเหมือนไม่ทำอธิบายยังไงดี — คือเรียนวิชาตอนแรกๆ คุณต้องจำกฎ ทฤษฎี เหมือนกับการหัดขับรถ เราก็ต้องดูเกียร์ เหยียบเบรก เหยียบคลัตช์ พอทำไปๆ ตั้งแต่เริ่มหัดขับกระทั่งสามารถไปถึงที่หมาย โดยที่คุณไม่รู้เลยว่าคุณทำอะไรไปบ้าง ซึ่งที่จบทั้งหมดแบบนี้มี 3 คนตามที่บอกไปแล้ว มีผมและอีก 2 คนที่อเมริกากับที่แคนาดา
– ได้ยินว่าตั้งโรงเรียนสอนวิชาฮวงจุ้ย เป็นชมรมชื่อ “ชมรม ฟ้า ฝน ไฟ” เป็นธรรมชาติไง แต่จริงๆ แล้วเป็นชื่อกองทัพในสมัยโบราณของจีน เป็นกองทัพพิเศษที่รบให้ชนะโดยไม่ต้องรบ คือเป็นการรบแบบเงียบๆ เหมือนพวกคอมมานโด ไปน้อยคน แต่ให้ชนะ
– มีลูกศิษย์เท่าไหร่แล้ว เป็นแสนครับ เขามากันเรื่อยๆ ใครอยากมาเรียนก็มา ใครไม่ว่างก็ไม่ต้องมา
– ถ้าจะให้อาจารย์ช่วยเหลือต้องทำยังไง? ไปขึ้นคิวไว้ ตอนนี้คิวเต็มไปถึงเดือนมีนาคม 2551 แล้ว ตอนนี้ผมจะเน้นไปที่ทุกอย่างของชีวิต เพราะฮวงจุ้ยคือทุกอย่างของชีวิต ไม่ใช่เราบ้าฮวงจุ้ย แต่คำว่าฮวงจุ้ย– ฮวง ก็คือลม จุ้ย คือน้ำ ทั้งหมดคือสภาพแวดล้อมที่ใกล้ตัวที่สุด
– มีคนบอกว่าเป็นเรื่องแหกตา ..ก็แล้วแต่จะคิด คนมีโอกาสที่จะเข้าใกล้หรือไม่เข้าใกล้ ได้เห็นหรือไม่ได้เห็น ก็ต้องแล้วแต่ เราไม่ยุ่ง เราไม่สนใจ”ผมเองจะทำหน้าที่นี้ต่อไปอีก 12 ปีแล้วก็พัก ที่อยู่ทุกวันนี้อยู่เพื่อช่วยคน สวดมนต์ ไหว้พระ รักษาศีล ผมจะอยู่เท่าที่จะสามารถทำได้” เรื่องโดย สกุณา ประยูรศุข